วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

พระผู้ทรงเป็นจอมทัพไทย


พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นจอมทัพไทยมาทุกยุคทุกสมัย สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ที่ได้รวบรวมเผ่าไทย ตั้งขึ้นเป็นราชอาณาจักรไทย ณ ผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้

ปัจจุบันจอมทัพเป็นตำแหน่งสูงสุดของกองทัพไทย (ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ) ทั้งนี้ โดยพระราชประเพณีและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระมหากษัตริย์พระองค์เดียวเท่านั้นที่จะทรงดำรงตำแหน่งอันมีเกียรติยิ่งนี้ได้

ตำแหน่งจอมทัพบก และจอมทัพเรือ สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในระหว่างปลายรัชกาลที่ ๕ และต้นรัชกาลที่ ๖ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดของแต่ละเหล่า ทหารบกและทหารเรือ ทั้งเป็นไปตามพระราชประเพณี จึงมิได้มีการตราไว้ในพระราชกำหนด และกฏหมายอื่นที่เกี่ยวกับตำแหน่งนี้ให้เป็นที่ทราบกันเองในวงการทหารเรื่อยมา

ต่อมาประเทศไทยได้เปลี่ยนระบอบการปกครองจากราชาธิปไตยมาเป็น "ประชาธิปไตย" อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขภายใต้กฏหมายแล้วนั้น จอมทัพไทยเป็นตำแหน่งที่ได้ตราลงในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างแน่นอนและชัดเจนว่า "พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย" ตำแหน่งจอมทัพบก และจอมทัพเรือ จึงได้หายไปมีแต่ตำแหน่งจอมทัพไทยขึ้นมาบังคับบัญชากองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ด้วย สำหรับพระยศที่ทรงดำรงคือ จอมพล จอมพลเรือ และจอมพลอากาศ ซึ่งเป็นพระยศสูงสุดของกองทัพทั้งสามโดยไม่มีผู้ใดมาแต่งตั้งกันอีก

เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทยแล้ว ย่อมมีพระราชอำนาจในการที่มีพระบรมราชโองการสั่งการแก่ทหารได้ แต่จะต้องด้วยวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกราบบังคมทูลถวายคำแนะนำ และมีรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งเท่ากับว่ากำลังทหารได้อยู่ในบังคับบัญชาของคณะรัฐมนตรีที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับพระราชอำนาจอื่นๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด เพราะเป็นการสนับสนุนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญอีกมาตราหนึ่งว่า "องค์พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้" และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๙๒ มาตรา ๑๑ ได้บัญญัติไว้ว่า "พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย ทรงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทหารทั้งปวง"